ดูดไขมัน

ดูดไขมัน
VASER- Assisted High-Definition Liposculpture (VAHDL)

ศัลยกรรม ดูดไขมัน ที่ไหนดี หมอไหนดี
 

คนทั่วไปโดยปกติ เมื่อมีอายุมากขึ้น การเผาผลาญพลังงานในร่างกายก็น้อยลง ทำให้เกิดการสะสมของไขมันส่วนเกิน ตามบริเวณต่างๆ เช่น หน้าท้อง สะโพก ก้น ต้นขา ต้นแขน คอ ฯลฯ และการสะสมของไขมันตามร่างกาย ก็จะทำให้รูปร่างของคนเราเปลี่ยนไป มองดูไม่สวยงามเหมือนเมื่อตอนที่ยังมีอายุน้อยอยู่ การดูดเอาไขมันส่วนเกินเหล่านี้ออก สามารถแก้ปัญหาเรื่องไขมันส่วนเกินต่าง ๆ การดูดไขมันไม่ใช่การลดความอ้วน แต่เป็นการขจัดไขมันสะสมเฉพาะจุด ออกเท่านั้น

.

ภาพแสดงบริเวณที่สามารถดูดไขมันได้

ขั้นตอนการผ่าตัดดูดเอาไขมันออก
กำหนดตำแหน่งที่ต้องการดูดไขมันออก ในกรณีที่จะดูดไขมันออกเพียงจุดเดียว และมีไขมันปริมาณไม่มาก อาจใช้ยาชา แต่ถ้าดูดไขมันหลายจุด และปริมาณมากจะต้องทำภายใต้การดมยาสลบ เจาะผิวหนังขนาด 0.5 มิลลิเมตร เพื่อใส่เข็มดูดไขมัน และทำการดูดด้วยเครื่องดูดไขมัน เมื่อเสร็จสิ้นการดูด ไขมัน แพทย์จะเย็บปิดแผลซึ่งเล็กประมาณ 1-2 เข็มเท่านั้นระยะเวลาของการดูดไขมันจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งและปริมาณของไขมัน

การดูแลหลังผ่าตัด
ให้ใส่ผ้ายืด (Elastic bandage) หรือชุดยืด สำหรับรัดตรงบริเวณที่ทำการดูดไขมันออก เป็นเวลา อย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังการผ่าตัดใหม่ เพื่อลดอาการบวม และเป็นการกดให้โพรงที่เกิดจากการดูดไขมันออกยุบติดกัน และไม่ให้เกิดการคั่งของน้ำเหลือง จากนั้นคุณยังสมารถใส่ผ้ายืดหรือใส่ชุดยืดต่อได้อีก 15-30 วัน เพื่อเป็นการช่วยให้หายเร็ว และได้ผลดีขึ้นคุณสามารถทำงาน หรือกิจกรรม ต่าง ๆ ตามปกติได้ เพียงแต่ไม่ควรทำสิ่งที่รุนแรง และไม่ควรเคลื่อนไหวในบริเวณ ที่ทำการดูดไขมัน

คำแนะนำ
การดูดไขมัน ไม่ใช่การลดความอ้วน ดังนั้นการที่จะช่วยให้การดูดไขมันได้ผลเป็นอย่างดี คือการที่คุณมีการดูแล ออกกำลังกาย เพื่อทำให้ผิวมีความกระชับ เป็นผิวที่มีสุขภาพดีไม่เหี่ยวย่น เพื่อเวลาที่คุณได้ทำการดูดไขมันส่วนเกินออก ผิวของคุณก็ยังกระชับและดูดี คุณจึงจะได้รูปร่างที่เพรียวบาง ผิวพรรณกระชับ ได้รูปร่างที่สวยสมส่วนกลับมา

การดูดไขมันเป็นการผ่าตัดที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นในหลายๆประเทศ โดยเทคโนโลยีของการดูดไขมันได้มีการเปลี่ยนแปลงไปในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ในปี ค.ศ.1985 ได้มีการริเริ่มนำคลื่น อัลตราซาวน์มาช่วยในการดูดไขมัน (Ultrasound assisted lipoplasty or UAL) หลักการของการใช้คลื่นอัลตราซาวน์คือการสลายไขมันด้วยคลื่นความถี่ที่เฉพาะเจาะจงกับไขมันโดยที่จะมีความเสียหายต่อเส้นเลือดและ เส้นประสาทน้อยกว่าการดูดไขมันโดยวิธีดั้งเดิม เมื่อไขมันที่โดนคลื่นเสียงจะเกิดการสั่นและแตกของเซลล์ ไขมันกลายเป็นของเหลวแล้วจึงค่อยดูดไขมันออกมา

VASER- Assisted High-Definition Liposculpture (VAHDL) คือการนำเครื่อง VASER มาช่วยในการทำ High Definition Liposculpture ซึ่งสามารถออกแบบกล้ามเนื้อได้ชัดเจนขึ้น มีการทำลายเนื้อเยื่อน้อยกว่า และสามารถดูดไขมันออกได้นิ่วนวลกว่า

การจะทำ VAHDL ให้ได้ผลที่ดีนั้นต้องเข้าใจของลักษณะกายวิภาคย์ของกล้ามเนื้อภายในแต่ละมัดและรูปร่างของกล้ามเนื้อที่มองเห็นทางภายนอกที่เกิด เพื่อที่จะสามารถปรับแต่งและใช้ประโยชน์จากการดูดไขมันเพื่อสร้างรูปลักษณ์ที่สวยงามได้

ผู้ที่เหมาะสมในการทำ VAHDL
1. มีร่างกายที่เหมาะสมดังนี้
(1.1 ผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ ควบคุมเรื่องการทานอาหาร แต่ไม่สามารถขจัดไขมันในบางบริเวณออกไปได้ ถึงแม้จะพยายามแล้ว
(1.2 ผู้ที่ไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำแต่มีไขมันไม่มากนัก สุขภาพแข็งแรง   โดยทั้งสองกลุ่มควรมีดรรชนีมวลกาย ไม่เกิน 30 (BMI <30) ถ้าดรรชนีมวลกายเกิน 30 อาจจะต้องพิจารณาเป็นรายๆไป ว่าสามารถทำได้แค่ไหน
2. มีผิวหนังที่ค่อนข้างตึง ไม่เหี่ยวย่น
3. ไม่ควรมีโรคประจำตัวที่เป็นอันตรายต่อการผ่าตัด
4. ไม่สูบบุหรี่
5. ในผู้ที่ได้รับการดูดไขมันมาก่อนแล้ว แต่ต้องการความชัดเจนขึ้นสามารถทำได้แต่ผลของการผ่าตัดนั้น อาจจะไม่ดีเท่าในรายที่ไม่เคยทำมาก่อน

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
1. ปรึกษาศัลยแพทย์ และ วิสัญญีแพทย์
2. ตรวจเลือดและตรวจร่างกาย
3. ทานยาหรือปรับยาตามแพทย์แนะนำเพื่อเตรียมตัวผ่าตัด
4. หยุดยาจำพวกแอสไพริน ยาลดอาการอักเสบ หรือสมุนไพร เพราะอาจจะทำให้เลือดออกมาขึ้นได้
5. หลังผ่าตัดต้องนอนโรงพยาบาลอย่างน้อย 1-2 วัน

การดูแลหลังการผ่าตัด
หลังการผ่าตัดจะมีน้ำเหลืองไหลซึมออกมาจากตำแหน่งแผลที่ดูดไขมัน ซึ่งจะซึมออกมาเรื่อยๆ ประมาณ 4-5 วัน ก็จะหยุดไหลไปเองให้ ทำแผลบริเวณที่ดูดไขมันทุกวันจนกว่าแผลจะแห้งและไม่มีน้ำเหลืองซึมออกมา   ถ้าน้ำเหลืองทีซึมออกมาไม่หายไปใน 4-5 วัน และมีอาการเจ็บปวด บวมแดง เพิ่มขึ้น ควรมาพบศัลยแพทย์ทันที หลังทำการดูดไขมันจะมีการบวมขึ้นของบริเวณที่ดูด โดยการบวมจะเกิดขึ้นประมาณ 3-4 อาทิตย์หลังผ่าตัด หลังจากนั้นจะยุบบวมและหายสนิทดีในระยะ 3-4 เดือนหลังผ่าตัด ควรใส่ชุดรัดกระชับรูปร่างบริเวณที่ทำการผ่าตัดดูดไขมัน (Compression Garment) ไว้ประมาณ 3 เดือน โดยเดือนแรกใส่ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนเดือนที่สองหรือสามให้ใส่เฉพาะตอนนอน การใส่ชุดรัดกระชับรูปร่างจะช่วยให้การยุบบวมและรูปร่างกระชับเร็วขึ้น การดูแลแผลหลังผ่าตัดจะรวมถึงการรวดไล่น้ำเหลือง (Lymphatic drainge) ซึ่งจะช่วยให้แผลสมานได้เร็วขึ้น แล้วลดการเกิดแผลเป็นได้ดี การออกกำลังกาย สามารถที่จะออกกำลังกายได้ประมาณสัปดาห์ที่ 3 หลังการผ่าตัด

ปัญหาที่พบได้ในการดูดไขมัน   ปัญหาที่พบได้หลังการผ่าตัดระยะแรก
1. น้ำเหลือง ( Seroma ) อาจจะมีอาการบวมเป็นหย่อมๆ ซึ่งมีน้ำเหลืองขังอยู่ใต้ผิวหนัง ซึ่งแพทย์จะทำการเจาะออก หรือใส่สายระบายเอาน้ำเหลืองออก
2. ไขมันอุดตันที่ปอด ( Pulmonary Thromboembolism )
3. แผลติดเชื้อ ( Infection )
4. เลือดจาง (Anemia)
5. เลือดคั้ง ( Hematoma )
6. ไขมันอุดตันเส้นเลือด ( Fat embolism )
7. อาจจะมีผิวหนังไหม้เป็นหย่อมๆ จากเลเซอร์ได้

ปัญหาที่พบได้หลังการผ่าตัดระยะยาว
1. เป็นก้อนไขมัน ( Fibrosis): แก้ไขโดยนวด, หรือใช้อัลตร้าซาวด์
2. อาจจะไม่เท่ากัน ( Asymmetries ) ทั้งสองด้าน
3. แผลสมานไม่ดี ( Poor healing )